สวัสดีครับสมาชิกSTEEMทุกท่าน
ช่วงนี้ไม่ใช่หน้าพายุหรือมรสุม แต่ที่เกาะพงันกลับมีฝนตกเกือบทุกวันเลยครับ การทำเรือของผมจึงหยุดชะงักไปอย่างไม่มีกำหนด และถ้าพูดถึงการทำประมงค์อวนปูม้าในช่วงนี้ก็ต้องทิ้งชวงให้คลื่นลมเงียบสงบกันก่อนครับ ถึงจะสามารถออกทะเลไปวางอวนปูอวนปลาและอวนกุ้งได้ครับ เพราะเรือที่ใช้เป็นเรือประมงค์ขนาดเล็กหรือเรือหางยาวที่หลายคนรู้จักกันนั้นแหลาะครับ ทำให้ผมและอีกหลายคนไม่สามารถออกทะเลไปวางอวนกันได้ แต่ถ้าเป็นเรือประมงค์ใหญ่ๆอย่างเรือลอบปูหรือเรือใดหมึก สามารถออกทะเลได้อย่างสบายเลยครับ วันนี้ตอนบ่ายๆมีเรือวางลอบปู ขับเรือเข้ามาที่ท่าเรือแหลมเทียน ตอนแรกคิดว่าเป็นเรือประมงค์ที่เข้ามาหลบลม แต่พอดูใกล้ๆอีกครั่งก็ทำให้รู้ว่าเป็นเรือของพี่คนหนึ่งที่รู้จักกันชื่อว่าพี่มิวและมีลูกน้องในเรืออีก2-3คนที่กำลังจะขนกุ้ง หอย ปู ปลา ออกจากเรือเพื่อที่จะได้เอาสัตว์ทะเลพวกนั้นออกมาขาย ระหว่างที่คุยกับพี่มิวกันอยู่ สายตาของผมดันไปมองเห็นตระกล้าปูดาวที่พี่มิิวได้มาเต็ม2ตะกล้าจนเกือบล้นออกมาเลยครับนอกจากนั้นยังมี ปลาอินทรี ทั้งหมดมีอยู่ประมาณ50ตัว ปลาสากมีอยู่เกือบ70ตัวและหมึกหอมมีเยอะที่สุดในเรือลำนี้เลยก็ว่าได้ประมาณ80ตระกล้าครับ
แต่ที่ผมสนใจที่สุดก็เห็นจะเป็นปูดาวนี้แหลาะครับ แต่ละตัวยังสดๆอยู่ทั้งนั้นขาของมันยังขยับไปมาอยู่เลยครับ พี่มิวคงจะเห็นผมสนใจกับปูดาวเป็นพิเศษ เลยเอาถุงมาใส่ปูดาวประมาณ20ตัวแล้วส่งมาให้ผมแล้วพูดกับผม อะนี้พี่ฝากน้องเอาไปให้น้องโค๊กด้วยนะ แต่ความคิดของผมมันยังไม่หยุดแค่นั้นนะสิครับ ผมขอซื้อปูดาวทั้งหมดจากพี่มิวเพื่อที่จะเอามาต่อยอดเพิ่มเงินในกระเป๋าของผม ตกลงราคากันได้อยู่ที่กิโลละ100บาททั้งหมดมี13กิโลเป็นปูขนาด6-7ตัวต่อกิโลครับ แต่พี่มิวก็ยังลดให้อีกบอกว่าให้ผมจ่ายเงินมาแค่1000บาท ถ้าไม่ตกลงพี่มิวก็จะไม่ขายให้ ขู่กันสะขนาดนี้ก็ต้องยอมพี่เขาละครับ ผมจ่ายเงินพี่มิวเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็รีบพาปูดาวกลับบ้านก่อนที่มันจะตาย พอถึงบ้านผมก็เอาปูดาวแช่ไว้ในตู้ฟรีซ เพื่อเป็นการน็อคปูด้วยความเย็นเพื่อให้เนื้อปูจะยังคงความสดอยู่ครับ
ผมแบ่งปูดาวที่ซื้อมาเป็น2ส่วนครับ ส่วนแรกส่วนนี้ผมจะใช้ปูดาว ทั้งหมด8กิโลครับ เริ่มจากเเกะปูดาวจนเหลือเฉพาะส่วนที่สามารถทานได้แบบใหม่ๆสดๆ แล้วนำมาแช่กับน้ำปลาแล้วทิ้งไว้ในตู้ฟรีซ์สัก2-3ชั่วโมง แล้วค่อยพาปูดาวแช่น้ำปลา**ไปส่งให้ลูกค้าตามที่สั่งไว้ในราคากล่องละ150บาทหนึ่งกล่องมี3ตัวครับ
ส่วนสุดท้ายผมนำปูดาวทั้งหมดที่เหลืออยู่จำนวน5กิโล มาแกะให้เหลือเฉพาะส่วนที่สามารถทานได้เหมือนกัน แล้วผมก็ไปส่งปูดาวให้กับแม่ค้าขายแกงในตลาดราคา5กิโล1200บาทครับ
**เป็นอย่างไรบ้างครับวิธีเพิ่มมูลค่าและจำนวนเพิ่มขึ้นของเงินในกระเป๋า จากเงิน1000บาทที่ผมซื้อปูดาวไป13กิโลกรัม แล้วนำปูดาวที่ซื้อมาเอามาต่อยอดทำเป็น ปูดาวเเช่น้ำปลา และ ปูดาวที่ทำเรียบร้อยแล้ว สามารถนำไปทำเป็นแกงต่างๆได้อย่างทันท ใช้เงินในการลงทุน1000ในการซื้อปูดาว และผมขายปูดาวรวมกันทั้งหมดได้เงินมา3,600บาท 5555+เห็นไหมครับว่าผมใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงผมก็สามารถได้กำไรมาเป็นเงิน2600บาทแล้วละครับ
แต่ผมไม่ได้ค้ากำไรเกินควรนะครับ ราคาในตลาดสดปูดาวราคาจะอยู่ที่350บาทต่อหนึ่งกิโล แล้วมันก็ไม่ได้สดอะไรมากมายหรอกนะครับ เป็นปูที่สั่งซื้อมาจากที่อื่นไม่ได้เป็นปูดาวที่จับได้จากทะเลเกาะพงันจริ# headerขงๆ เพราะปกติปูดาวที่เกาะพงันจะหาทานค่อนข้างยาก บางครั่งที่ผมวางอวนปูม้าก็มักจะมีปูดาวติดมาด้วยครั่งละ2-3ตัว แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นปูที่ตายแล้ว อย่าว่าแต่ขายเลยครับ ขนาดบอกให้เขาฟรีๆเขายังคิดว่าจะเอาดีไหม เพราะปูที่ตายแล้วจะไม่ค่อยมีเนื้อ รสชาติความหวานของปูก็จะมีน้อยมากๆ ทำไงละทีนี้ขายก็ไม่ได้ให้ฟรีก็ไม่มีใครเอา ชาวประมงค์ส่วนใหญ่ถ้ามีปูดาวติดมากับอวนแค่ไม่กี่ตัว เขาก็เลยเลือกที่จะปล่อยมันกลับไปในทะเลดีกว่า ถ้าเอามันขึ้นมาก็คงจะตายอยู่ในกองอวนกองใดกองหนึ่ง อ่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า...เคยเห็นที่ห้างแม็คโครตอนนั้นราคาอยู่ที่กิโลละ399บาทครับ ตัวเล็กมากๆ สีตาของมันก็ไม่มีความใสสักนิดเลยครับ ถ้าใครจะซื้อปูไปรับประทานไม่ว่าจะเป็นปูม้า ปูดาว ปูหิน หรือปูชนิดไหนก็ตาม ผมมีข้อแนะนำในการเลือก
ปูจะต้องมีชีวิตอยู่โดยให้สังเกตุจากขาของมัน ลองจับตัวของปูดูครับว่าแข็งหรือนิ่ม ปูที่สดจริงกระดองและตัวจะต้องแข็งนะครับ ถึงจะเป็นปูที่สด เนื้อแน่น และเนื้อจะหวานๆมากๆเลยครับ
เป็นการเพิ่มมูลค่าได้ดีทีเดียวค่ะ